จิตวิญญาณของหม้อคราม

จิตวิญญาณของหม้อคราม ความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรม อันเป็นแบบอย่างของคนรุ่นหลัง

การ ก่อหม้อย้อมคราม : กว่าจะก่อได้แต่ละหม้อ มันต้องใช้เวลา จึงเปรียบได้ว่า การก่อหม้อก็เหมือนก่อชีวิตขึ้นมาอีกชีวิตหนึ่งเลยทีเดียว ฟังดูแล้วอาจยิ่งใหญ่มาก เพราะบางคนอาจคิดแค่ว่า  เป็นหม้อย้อมครามสีดำๆ ใครๆก็ทำได้  แต่ถ้าไปสอบ ไปเรียนรู้กับคนโบราณ จะรู้ว่าหม้อครามก็เป็นอีกชีวิตหนึ่ง ที่ต้องการคนเอาใจใส่ดูแล คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ

ความหมายของข้าวน้ำของหม้อครามก็คือ เนื้อคราม น้ำด่าง มะขามเปียก ที่คนทำหม้อครามจะต้องหามาเติมลงในหม้อให้เป็นประจำมิให้ขาด เพราะถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง หม้อครามนั้นก็จะย้อมไม่ได้ ถึงย้อมก็จะได้สีไม่สวย ฉะนั้นจึงพูดได้ว่าหม้อครามก็คือชีวิตอีกชีวิตหนึ่ง ที่ต้องคอยดูแล ว่ากันว่าคนโบราณเขาถือว่า ถ้าคนทำหม้อ จะไม่ทาแป้ง ไม่ใส่น้ำหอม เพราะจะไปทำให้หม้อผิดกลิ่น แล้วมันจะนอน (ก็คือย้อมได้สีไม่สวย) การจะทำให้หม้อฟื้นตัวต้องใช้เวลา หรือแม้กระทั่งคนทำหม้อมีความจำเป็นที่ต้องไปงานศพ กลับมาต้องมาทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำส้มป่อยก่อนลงมือย้อมหม้อ โดยเผาส้มป่อยให้พอมีกลิ่นหอม แล้วเอาไปแช่น้ำอาบ เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายเพราะคนโบราณกลัวหม้อตาย แล้วย้อมไม่ได้ หรือแม้แต่จะมีคนมาขอแบ่งน้ำหม้อยังต้องมี

ดอกไม้ธูปเทียนมาขอกัน ก่อน เพื่อเป็นความหมายว่าสิ่งที่ขอเป็นสิ่งที่มีค่า เอาไปแล้วก็ต้องดูแลรักษาเอาใจใส่ ซึ่งความเชื่อของคนโบราณก็เป็นแบบอย่างที่ดี ที่คนรุ่นหลังควรปรับและนำไปใช้ปฏิบัติ เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่หม้อครามหรือว่าอะไรก็ ตาม ถ้าเราเอาใจใส่ดูแลของสิ่งนั้นก็จะอยู่กับเราไปนานเท่านาน ของทุกอย่างมีคุณค่าในตัวของมันเอง แล้วแต่ใครจะมองเห็นคุณค่าของมันและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น